Tuesday, April 10, 2012

Suansone in Local Papers II



หนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ประจำวันที่ 30 มีค - 5 เมย 2555
(หน้าปก นายกฯ มึนจังปู)

ขอบพระคุณลุงหม่อมและลูกหลาน และทีมงาน 
ที่คอยให้การสนับสนุนร้านของเรามาโดยตลอดห้าสิบกว่าปีที่ผ่านมาค่ะ

Saturday, July 28, 2007

เปิดทุกวัน [open everyday]


วันหยุด เฉพาะตรุษจีน และสาร์ทจีน

เปิดทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์:
8.30น - 15.00น
เสาร์ - อาทิตย์ - นักขัตฤกษ์:
8.30น - 16.00น


Closed on Chinese New Year
Mon-Fri: 8.30am - 3pm
Weekend: 8.30am - 4pm

Monday, January 29, 2007

Food II











แพะตุ๋นน้ำแดง กระเพาะปลาน้ำแดง ผัดจับฉ่ายไหหลำ ผัดโป้ยเซียน

Wednesday, November 15, 2006

Suansone in Local Papers

"สวนสน" (โกอ่างโภชนา) ตำนานร้านไหหลำ
คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม โดย ปิ่นโตเถาเล็ก



เมื่อวันก่อน น้าพิศาลพ่อยกรายสำคัญของปิ่นโตเถาเล็ก โทร.แจ้งแถลงไขว่า บัดนี้ร้านสวนสนเพลินจิต ซึ่งเป็นคนเชื้อสายไหหลำเหมือนน้าพิศาลได้ย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ที่ใหม่ ใกล้กับ ภัตตาคารวิเศษไก่ย่าง ตรงบางโพเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2549 ขอให้ผมตามไปชิมแล้วกลับมารายงานคุณชายถนัดศรีด้วย

ร้านข้าวมันไก่ไหหลำสวนสน (เพลินจิต) ถือเป็นตำนานร้านไหหลำของเมืองไทยอีกแห่งหนึ่ง ค้าขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ตั้งแต่ปี 2503 ตรงหัวมุมหลังโรงแรมราชศุภมิตร ซึ่งปัจจุบันนี้คือโรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวงนั่นเอง โดยใช้ชื่อว่า ย่งเฮง

แถวนั้นถ้าร้านไหนอร่อยเข้าขั้น พ่อผมกวาดเรียบเก็บมาแนะนำทุกเจ้า เนื่องจากต้องไปจีบแม่ซึ่งทำงานอยู่ละแวกเดียวกันที่ บริษัท เดินอากาศไทย (บดท.) ถึงได้มีปิ่นโตเถาเล็กตราบเท่าทุกวันนี้ไงล่ะครับ

จากนั้นในปี 2524 ได้ย้ายหาบไปอยู่ซอยต้นสน เพลินจิต ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าซอยนี้เป็นดงสน เลยเปลี่ยนชื่อให้เข้ากับบรรยากาศเป็น สวนสน ตั้งแต่บัดนั้นเรื่อยมา ในภายหลังได้เขยิบที่ทางไปอีกนิดนึงใกล้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา

เมื่อย้ายครั้งสุดท้ายมาที่ย่านบางโพก็ยังใช้ชื่อ สวนสน ตามเดิม และใช้ชื่อ โกอ่างโภชนา ซึ่งเป็นน้าเขยของคุณนิภาพรเจ้าของร้านรุ่นที่ 2 อีกด้วย และยังมีพี่สาวคือคุณสุภาพรช่วยดูแลอีกคนหนึ่ง อายุอานามของรุ่น 2 นี้ปาเข้าไปหกสิบยังแจ๋วแล้ว



ร้านสวนสนแห่งใหม่เป็นตึกแถวสองคูหาริมถนนประชาราษฎร์สาย 1 ซึ่งเป็นถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาเส้นเดียวกับถนนสามเสนที่มาจากแยกศรีย่านและบางกระบือ โดยร้านนี้อยู่ระหว่างแยกเกียกกายกับแยกบางโพ มีประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 7 และซอย 7/1 ขนาบข้างซ้ายและขวา และเยื้องกับสถานีดับเพลิงบางโพ จอดรถริมถนนได้ทั้งสองฝั่งระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. ส่วนวันอาทิตย์จอดได้ทั้งวัน

รายการอาหารไม่ได้มีแค่ ข้าวมันไก่ไหหลำ ยังมีเมนูไหหลำตามสั่งอื่นๆ อีกเพียบ ถึงอย่างไรก็ตามต้องประเดิมด้วยไก่ตอน 1 จาน พร้อมข้าวมันเสียก่อน ไก่ไหหลำไม่เหมือนไก่ทั่วไปที่หนังติดมันเยิ้มๆ เนื้อนุ่มๆ แต่เนื้อจะแน่นกว่า แห้งกว่า หนังมีมันน้อยกว่า เวลาเคี้ยวยังต้องออกแรงย้ำๆ นิดหน่อยไม่ใช่เกือบละลายเข้าปากเหมือนไก่ทั่วไป

ข้าวมันไม่มันมากจนมีน้ำมันแยกตัวเหมือนบางเจ้า น้ำจิ้มมีรสเข้มถูกใจพี่ไทย ถ้ารีบเร่งกินแค่ข้าวมันไก่โปะไก่ข้างบนมาเลยก็ย่อมได้สนนราคาเพียง 35 บาท แต่ไม่ควรพลาดน้ำแกงร้อนๆ ขนาดปากพอง มีให้เลือกหลายอย่างเด็ดๆ ทั้งนั้น มี ขาไก่ตุ๋นเครื่องยาจีน ต้มมะระซี่โครงหมู ต้มฟักซี่โครงหมู และ น้ำแกงเห็ดหอมใส่ปีกไก่ น้ำแกงหวานหอมทุกอย่าง



อาหารไหหลำจานด่วนอีกอย่างที่ผมมาทีไรต้องสั่งทุกครั้งคือ ขนมจีนไหหลำ (เนื้อ หมู ไก่) ซึ่งมีทั้งแห้งและน้ำ (35 บาท) ผมชอบกินของดั้งเดิมเป็น ขนมจีนไหหลำแห้งราดเนื้อตุ๋นใส่ผ้าขี้ริ้วที่มีน้ำเนื้อตุ๋นขลุกขลิกรสเข้มข้น ราดด้วยน้ำจิ้มกะปิของไหหลำจนชุ่มโชกเพื่อให้มีรสแซ่บจัดๆ เด็กรุ่นใหม่ไม่เคยชิมต้องลองแล้วจะติดใจ

ถ้าไม่อยากกินเส้นให้สั่ง ยำผ้าขี้ริ้วเนื้อสดเนื้อตุ๋นแบบไหหลำ ซึ่งไม่ได้มีพริกแต่อย่างไร เพราะกินกับน้ำจิ้มกะปิรสเผ็ดตัวเดียวกัน ยำเนื้อนี้ใส่ผักกาดหอม ราดด้วยเนื้อตุ๋น ใส่ผ้าขี้ริ้วกรอบอร่อย แถมยังมีเนื้อสดที่แสนนุ่มเพราะหมักด้วยซีอิ๊วขาวกับแป้งมัน จากนั้นโรยด้วยถั่วลิสงทอดเคลือบแป้งเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาบด รับรองว่าไม่ได้เป็นญาติกับยำไทยเลยแม้แต่น้อยนิด

มาร้านไหหลำทั้งทีต้องสั่ง ผัดจับฉ่ายไหหลำ ที่ไม่ใช่ต้มจับฉ่ายตามร้านข้าวต้ม แต่เป็นผัดวุ้นเส้นน้ำขลุกขลิกหอมหวานใส่เครื่องสารพัด อาทิ กุ้ง ปลาหมึก ตับ กุ้งแห้ง เห็ดหูหนู กระเพาะหมู ฟองเต้าหู้ ขึ้นฉ่าย ความอร่อยอยู่ที่วุ้นเส้นซึ่งดูดน้ำจนชุ่มเข้าเนื้อ อีกรายการคือ แพะตุ๋นน้ำแดง (100-150 บาท) ใส่เครื่องยาจีน บำรุงกำลังดีนักแล ต้องชิมเนื้อแพะติดหนัง ห้ามแยกหนังทิ้งไปเป็นอันขาด

เมนูอื่นๆ มีอีกมากมายเหมือนร้านอาหารตามสั่งทั่วไปแต่ดูมีบรรดาศักดิ์มากกว่าเพราะมีทั้งกระเพาะปลาน้ำแดง เนื้อผัดน้ำมันหอย ต้มยำกุ้ง นอกเหนือจากของพื้นๆ ประเภท สุกี้ ผัดกะเพรา ข้าวผัด

เชิญมาชิมอาหารไหหลำที่ร้านสวนสนได้ทุกวัน ลืมบอกไปว่าเขามีร้านข้าวมันไก่ของน้องชายอีกแห่งหน้าสนามม้านางเลิ้งข้างคลีนิคหมอ ใช้ชื่อสวนสนเช่นกัน

ข้อมูลร้าน
สวนสน(โกอ่างโภชนา)
โดย คุณนิภาพร เมฆอธิคม
ที่ตั้ง 103-105 ถนนประชาราษฎร์ สาย 1
แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800
โทร.0-2587-5344
เปิดบริการ 08.00-18.00 น. ทุกวัน
หยุด สารทจีนและตรุษจีน

อาหารแนะนำ ข้าวมันไก่ไหหลำ ขนมจีนไหหลำ (แห้ง น้ำ) เนื้อ/หมู/ไก่ ยำผ้าขี้ริ้ว/ เนื้อสด/เนื้อตุ๋นแบบไหหลำ แพะตุ๋นน้ำแดง ผัดจับฉ่ายไหหลำ

แหล่งข้อมูล: หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 12 พย. 49

Saturday, October 21, 2006

Delivery

บริการส่ง

จริง ๆ แล้ว ทางร้านไม่บริการส่งอาหารนอกสถานที่ เนื่องจากไม่มีพนักงานพอ แต่ลูกค้าหลายคนต้องการให้ทางร้านบริการส่งอาหาร ทางร้านจึงตัดสินใจ ใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างบริเวณใกล้เคียง ทำหน้าที่รับส่งอาหารและเก็บเงิน ลูกค้าท่านใดต้องการสั่งอาหาร และให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างไปส่ง ลูกค้าจำเป็นต้องรับผิดชอบค่าจ้างของมอเตอร์ไซค์รับจ้างเองค่ะ

ขอขอบคุณทุกท่าน ที่อุดหนุนค่ะ


Tuesday, August 29, 2006

Story

ร้านอาหารสวนสน ขายข้าวมันไก่ไหหลำ และขนมจีนไหหลำ
*แก้ไขข้อความ - 3 กันยายน 2549

พ.ศ. 2503 เริ่มแรกคุณตากับคุณยายขายที่บ้าน ตรงทางเข้าถนนศุภมิตร ซอยเดียวกับเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย หรือนางเลิ้ง นั่นเอง ต่อมากระเถิบไปนิดหน่อย ไปอยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี ใช้ชื่อร้านว่า ย่งเฮง จนกระทั่งปี 2520

ประมาณเดือนธันวาคม พ.ศ. 2523 ก็ย้ายมาอยู่ใจกลางเมือง คือซอยต้นสน ถนนเพลินจิต ตรงข้ามกับห้างเซ็นทรัลชิดลม ครั้งแรกที่ย้ายตรงนี้ เดิมอยู่ด้านหลัง เข้าซอยต้นสนแล้ว ยังต้องเข้าไปในซอยเล็ก ๆ อีกใช้ชื่อร้านว่า ร้านต้นสน ซอยต้นสนเดิม ฝั่งนึงเป็นตึกสามชั้น อีกฝั่งนึงเป็นคลองปลูกต้นสนเรียงไปตลอดแนวคลอง อยู่ได้ประมาณครึ่งปี ถึงได้ไปเซ้งร้านสวนสน ร้านอยู่ติดกับถนนของซอยต้นสน อาคารสามชั้นสองห้อง เดิมร้านสวนสนขายข้าวหมูแดง เราไปขอเซ้งต่อ และใช้ชื่อ ร้านอาหารสวนสน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

พ.ศ. 2528 มาบุญครองกำลังเปิดใหม่ ๆ ร้านได้รับการรับรองความอร่อยจาก เดลินิวส์ชวนชิม ทางร้านเลยได้เข้าไปขายในศูนย์อาหารชั้น 6 ของมาบุญครอง สมัยนั้น ถือว่าศูนย์อาหารนี้ทันสมัยมาก ๆ ได้ไปขายที่นั่นก็ถือว่ามีหน้าตาอยู่บ้าง ขายอยู่นั่นได้สักหกปี ก็เลิก

แปดปีต่อมา ก็ย้ายออกจากซอย มาอยู่ติดถนนใหญ่ ริมถนนเพลินจิต เช่าที่ของเจ้าของโรงเรียนสอนเทควันโด้อาภัสสา เปิดร้านขายต่อมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งรถไฟฟ้าสร้างเสร็จสักพัก ตรงนั้นมันมีตลาดนัด คนขายของเยอะมาก ๆ เจ้าของที่เขาก็เลยอยากจะเพิ่มเป็นบล็อค ๆ ให้คนมาเช่าทำตลาด ก็เลยให้ร้านย้ายเข้าไปอยู่ด้านใน ซึ่งเดิมเคยทำเป็นร้านตีสนุ๊กมาก่อน เราก็เลยย้ายไปอยู่ตึกข้างใน

อยู่ได้สามปี เพราะว่าสัญญามีแค่นั้น พอหมดสัญญาปุ๊บ ยังไม่ทันจะได้เตรียมตัวขยับขยาย ก็ได้ข่าวว่าเจ้าของที่เขาขายที่ดินตรงนั้นให้คนอื่นไปแล้ว เราเช่าเขาอยู่หนะ แล้วทางเราก็ไม่เคยเจอกับเจ้าของใหม่ ก็เลย..อยากจะต่อสัญญา ก็ทำไม่ได้ ต้องรีบรนรานย้ายข้าวของออกจากตรงนั้น พร้อมทั้งย้ายร้านและคนมาอยู่ที่บางโพแทน รวมเบ็ดเสร็จ ร้านอยู่ตรงถนนเพลินจิตเป็นเวลา 25 ปี

ร้านนี้ เป็นของน้องสาวคุณยายกับครอบครัว ใช้ชื่อว่า ร้านโกอ่าง ซึ่งขายมาหลายสิบปีแล้วเหมือนกัน คนแถวนั้นรู้จักกันทั้งนั้น ช่วงนี้คุณยายสุขภาพไม่แข็งแรง คุณตาเองก็ทำคนเดียวไม่ไหว เราก็ไปเช่าร้านต่อ ให้คุณตาคุณยายได้พัก พร้อมทั้งใช้ชื่อร้านเป็น ร้านโกอ่าง-สวนสน ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2549

ใครจะแวะไปอุดหนุนกันบ้าง ก็ยินดีนะคะ

Suansone Restaurant: Hainan Chicken with Rice, Hainan Noodles
*edited: 3 september 2006

in 1960 my grandfather and grandmother started the restaurant. that time, our house was our restaurant as well. the house is at the entrance of Suphamit Road, Nang Lerng Market area. our restaurant's name was Yong-Heng. we were there until the year 1977

around december 1980, we moved to downtown, at Soi Tonson, Pleonchit Road. opposite the Central Chidlom Departmentstore. first we moved here, the house was in the back, and not on the street. we used the name TonSon. about half a year, we moved out to front. we rent the place which used to be a restaurant as well. its name is SuanSone, that we decided to keep using it since.


in 1985, MBK was newly opened. there was a place at FoodCourt on the sixth floor, we were selling chicken-rice and hainanese noodles there for six years.

eight years later, we moved from Soi Tonson to be on the Pleonchit Road. we rent the place from the owner of Taekwondo School. after the BTS opened for some time, we moved again to the back. because the owner wanted to manage that place to be a flea market. so they renovated the place, that made us to move in to the building, used to be a snooker club.

we were there for only three years as contract. not as soon we were ready to move out, we heard that the land was sold. we didn't manage to meet up with the new landlord, though we needed so bad to rent the place again, nothing we could do. immediately, we packed our bags and left. altogether we'd been living at Pleonchit for 25 years.

this place where we are now belongs to the family of younger sister of my grandmother. their restaurant names Ko-Ang, been opening for many years as well. recently the grandmother doesn't feel well, grandfather can't do all the work alone, so we rent the place, or let's say we take over it. since may 1st, 2006 the restaurant's name is KoAng-SuanSone

all customers are alwayes welcome